23.00 น. คณะพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 4 เคาน์เตอร์สายการบินซาอุดิอาระเบีย แอร์ไลน์ Saudi Arabian Airlines (SV) โดยมีเจ้าหน้าที่บริษัทฯ คอยต้อนรับและอำนวยความสะดวกด้านเอกสารการเดินทาง
01.05 น. ออกเดินทางจาก สนามบินสุวรรณภูมิ สู่สนามบิน King Abdulaziz International Airport เจดดาห์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย โดยเที่ยวบินที่ SV 849 (ใช้เวลาบินประมาณ 8 ชั่วโมง 15 นาที) (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง)
06.00 น. เดินถึงสนามบิน King Abdulaziz International Airport เจดดาห์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย (รอเวลาต่อเครื่องประมาณ 2 ชั่วโมง 20 นาที)
08.20 น. ออกเดินทางจากสนามบิน King Abdulaziz International Airport เจดดาห์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย โดยเที่ยวบินที่ SV 373 (ใช้เวลาบินประมาณ 6 ชั่วโมง 40 นาที) (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง)
13.25 น. เดินทางถึงสนามบินคาซาบลังก้า โมฮัมเหม็ดที่5 (Casablanca Mohammed V International Airport )
(เวลาท้องถิ่นช้ากว่าเวลาประเทศไทย 6 ชม.)
หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและผ่านศุลกากรเรียบร้อยแล้ว นำท่านเดินทางสู่ กรุงราบัต (Rabat) เมืองหลวงของโมรอคโค มาตั้งแต่ปี ค.ศ.1956 เป็นที่ตั้งของพระราชวังหลวงที่เป็นประทับปัจจุบันของ กษัตริย์แห่งโมรอคโค และยังเป็นที่ตั้งทำเนียบทูตจากต่างประเทศต่างๆ กรุงราบัตเป็นเมืองที่มีความขาวสะอาดและสวยงาม นำท่านเดินทางสู่ สุสานของกษัตริย์โมฮัมเหม็ด ที่ 5 (Mausoleum of Mohammad V) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชม.) กษัตริย์โมฮัมเหม็ด ที่ 5 เป็นผู้กอบกู้อิสรภาพจากการเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศสและสเปน และเป็นพระอัยกาของสุลต่านองค์ปัจจุบัน ซึ่งสถาปนิกชาวเวียดนามเป็นผู้ออกแบบสุสานแห่งนี้ โดยเริ่มก่อสร้างสุสานภายหลังที่สุลต่านโมฮัมเหม็ดที่ 5 สวรรคตไปแล้ว 6 ปี โดยองค์สุลต่านได้พระราชานุญาตให้นักท่องเที่ยวทุกชาติทุกศาสนา สามารถเข้าไปเยี่ยมชมและเคารพพระศพได้ โดยที่ประตูทางเข้าทั้ง 4 ด้านจะมีทหารยามยืนเฝ้าทุกประตู ภายในสุสานจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ด้านหนึ่งคือมัสยิดเก่าแก่อีกด้านคือสุสาน
จากนั้นนำท่านชม หอคอยฮัสซัน (Hassan Tower) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสุเหร่าฮัสซัน ที่ตั้งตั้งโดดเด่นอยู่บน เนินเขาบริเวณริมแม่น้ำบูเรเกรกมานานกว่า 800 ปี ถือเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์สําคัญของกรุงราบัตเป็นมัสยิดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโมรอคโค มีขนาดใหญ่เป็ นอันดับ 13 ของมัสยิดโลกสถาปัตยกรรมของมัสยิดแห่งนี้ อาจไม่ได้เก่าแก่มากนัก เพราะพึ่งเสร็จมาเมื่อปี 1993 ระยะเวลาในการก่อสร้างทั้งหมด 6 ปีมัสยิดแห่งนี้ ได้รับการออกแบบโดยมิเชล แปงโช สถาปนิกชาวฝรั่งเศส ใช้ศิลปะสไตล์โมรอคโคมีการใช้เทคโนโลยีสุดทันสมัยผสมผสานเข้าไปด้วย มีหอคอยสูง 120 เมตร สามารถจุคนได้สูงถึง25,000 คน วัตถุประสงค์หลักสำหรับการสร้างมัสยิดแห่งนี้ ก็คือวาระเฉลิมฉลองพระชนม์ครบ 60 พรรษาขององค์กษัตริย์ฮัสซันที่ 2 แห่งโมรอคโคและใช้เป็นสถานที่สำคัญในการต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง
นำท่านชม ป้อมปราการอูดายาส (Oudaya Kasbah) เป็นป้อมปราการที่ตั้งอยู่บริเวณบนเนินเขาตรงปากแม่น้ำบูเรเกรก และได้รับการขึ้นทะเบียนพร้อมกับสถานที่อื่นๆ ในราบัต ให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองเฟส (Fes) ซึ่งเป็นเมืองสำคัญและถือว่าเป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์เมืองหนึ่งของศาสนาอิสลาม ที่มีอุตสาหกรรมเครื่องหนังเป็นเมืองการค้า ได้รับการขนานนามว่า “มักกะฮ์แห่งตะวันตก” และ “เอเธนส์แห่งแอฟริกา”
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ
ที่พัก MOUNIA HOTEL หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านชม สุเหร่าโคเราวีน (Kairaouine Mosque) ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรม และมีการตกแต่งที่สวยงามของมัสยิดแห่งนี้และถือได้ว่าเป็นสถาบันการศึกษาที่เก่าแก่ที่สุดในโลก มัสยิด Karaouine ก่อตั้งขึ้นในปี 859 โดย Fatima Al-Fihri ลูกสาวของ Mohammed Al-Fihri ซึ่งเป็นพ่อค้าที่ร่ำรวยในขณะนั้น ครอบครัวนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มผู้อพยพที่ตัดสินใจย้ายจาก Kairouan ในตูนิเซียไปยังเมือง Fes ในโมร็อคโค เมื่อต้นศตวรรษที่ 9 ทั้งฟาติมาและน้องสาวของเธอได้รับการศึกษาอย่างดีและได้รับมรดกเงินจำนวนมากจากพ่อของพวกเขา หลังจากที่พ่อเสียชีวิตฟาติมาให้คำมั่นว่าจะใช้จ่ายทั้งหมดเพื่อสร้างมัสยิด ด้วยความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า ในไม่ช้า โครงการนี้จึงเติบโตจากการเป็นเพียงสถานที่สักการะเป็นสถานที่สำหรับการสอนศาสนาและการอภิปรายทางการเมือง ตลอดหลายทศวรรษ ที่ชาวโมรอคโคถือว่าเป็นแหล่งมาแสวงบุญที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในแอฟริกาเหนือ ปัจจุบันสามารถรองรับผู้สักการะได้มากถึง 20,000 คน
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน
หลังรับประทานอาหาร นำท่านเดินทางสู่ พระราชวังหลวง (Royal Palace) (ด้านนอก) นำท่านเดินชมความสวยงามของ ซุ้มประตูหลวง ของพระราชวังแห่งนี้ โดยพระราชวังหลวงแห่งนี้ที่องค์สุลต่านจะเสด็จมาประทับเฉพาะในช่วงที่มีพิธีสำคัญต่าง ๆ เท่านั้น อีกทั้งลานหน้าวังจะมีพื้นที่กว้างขวางมาก เพื่อใช้สำหรับการเดินสวนสนาม ตลอดจนการจัดการแสดงถวายองค์สุลต่านเนื่องในวโรกาสต่าง ๆ อิสระกับการถ่ายภาพ
จากนนั้นนำท่าน ชมย่านร้านเครื่องหนัง และแวะชม บ่อฟอกและย้อมสีหนังแบบโบราณ ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเมืองเฟส ถูกอนุรักษ์โดยองค์กรยูเนสโก โรงฟอกหนังของเมืองเฟสจะประกอบไปด้วยอ่างหินจำนวนมากวางเรียงกันเป็นแถว แต่ละบ่อจะเต็มไปด้วยสีย้อมและของเหลวเติมเต็มทั่วทุกบ่อ ราวกับเป็นจานสีที่มีขนาดใหญ่ โดยหนังเหล่านี้ ได้มาจากทั้ง วัว แกะ แพะ และอูฐ นำเข้าสู่กระบวนการกลายเป็นเครื่องหนังคุณภาพชั้นสูง เช่นกระเป๋า เสื้อผ้า รองเท้า โดยไม่มีการใช้เครื่องจักร นับเป็นภูมิปัญญาที่มีตั้งแต่ยุคกลาง อิสระช้อปปิ้งสินค้าท้องถิ่นมากมาย
นำท่านเดินทางสู่ เมคเนส (Meknes) เมืองหลวงโบราณในสมัยสุลต่าน มูเลอิสมาอิล (Mouley Ismail) แห่งราชวงศ์อะลาวิท (Alawite Dynasty) กษัตริย์ผู้ชื่นชอบการทำสงครามใน ศตวรรษที่ 17 ด้วยทำเลที่ตั้งที่มีแม่น้ำไหลผ่านกลางเมือง เมกเนสจึงเป็นเมืองศูนย์กลางทางด้านเกษตรกรรม โดยเฉพาะการผลิตมะกอก ไวน์ และพืชพรรณต่างๆ เพื่อนำท่านชม สุสานมูเล อิสมาอิล (Mausoleum of Moulay Ismail) (ด้านนอก) สุสานเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในปี 1703 โดย Ahmed Eddahbi โดยสุสานนั้นอยู่ภายในกำแพงเมือง มีความงดงามของสถาปัตยกรรมกระเบื้องโมเสกและศิลปะประตูโค้งตามสไตล์โมรอคโค
ได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางสู่เมือง มาราเกซ (MARRAKECH) เมืองมาราเกซเป็นเมืองแห่ง ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญที่ตั้งอยู่เชิงเขาแอตลาส ในอดีตเมืองโอเอซิสแห่งนี้ เป็นที่พักของกองคาราวานอูฐที่มาจากทางตอนใต้ของโมรอคโค ถือเป็นเมืองชุมทางของพ่อค้าต่างๆ นอกจากนี้ ยังเป็นอดีตเมืองหลวงในช่วงสมัยราชวงศ์อัลโมราวิดช่วง ศ.ต.ที่ 11 ปัจจุบันเป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดของโมรอคโคสภาพบ้านเมืองที่เราเห็นได้คือสองข้างทางแวดล้อมด้วยบ้านเรือนที่ถูกฉาบด้วยปูนสีส้มๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลกำหนดไว้แต่คนท้องถิ่นจะเรียกว่า PINK CITY หรือ เมืองสีชมพู มาราเกชเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง จึงได้สมญานามว่าเป็น A CITY OF DRAMA นั่นคือมีความสวยงามดั่งเมืองในละคร
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ
ที่พัก GOMASSINE HOTEL หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านชม มัสยิดคูตูเบีย (Koutoubia Mosque) (ด้านนอก) เป็นมัสยิดที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในเมือง ไม่ว่าท่านจะเดินไปแห่งใดในตัวเมืองแห่งนี้ ท่านก็จะเห็นมัสยิดนี้ได้ โดยเห็นจากหอวังที่มีความสูงถึง 226 ฟิต (70 เมตร)
นำท่านชม พระราชวังบาเฮีย (Bahia Palace) พระราชวังของท่านมหาอำมาตย์ ผู้สำเร็จราชการแผ่นดินแทน
ยุวกษัตริย์ในอดีต สร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ภายในแบ่งออกเป็น 2 ส่วน เนื่องจากสร้างในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน ส่วนแรกซึ่งถือว่าเก่าแก่ที่สุดออกแบบโดยเซอร์เมาซ์ซา (Sir Moussa) ซึ่งภายในอาคารที่พักจะมี
สวนแบบเปิดไว้เดินพักผ่อนหย่อนใจอีกด้วย อีกส่วนหนึ่งออกแบบโดย บา อาเหม็ด (Ba Ahmed) เป็นการสร้างที่พักแบบแนวใหม่ โดยตั้งใจให้เป็นพระราชวังที่ยิ่งใหญ่และหรูหราที่สุดในสมัยนั้น
เที่ยง อิสระอาหารกลางวัน ท่านสามารถเลือกรับประทานอาหารได้ที่ จตุรัสจามาเอล-ฟาน่า ซึ่งมีร้านค้าตั้งอยู่มากมาย
นำท่านเดินทาง สู่ จตุรัสจามาเอล-ฟาน่า(Jemaa el-Fna Square) เป็นจัตุรัสกลางเมืองที่มีขนาดใหญ่รายล้อมไปด้วยอาคาร ร้านค้า ตลาด ทั้ง 4 ด้าน ที่มีสีสันและกลิ่นอายแบบโมรอคโคขนานแท้ อิสระกับการถ่ายภาพและเลือกซื้อของฝากของที่ระลึก
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ
ที่พัก GOMASSINE HOTEL หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองไอท์ เบนฮาดดู (AIT BENHADDOU) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง) เป็นเมืองที่มีอาคารต่างๆสร้างจากดินเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงจากกองถ่ายทำภาพยนตร์กว่า 20 เรื่อง โดยเฉพาะป้อมดินที่งดงามและมีความใหญ่ที่สุดในภาคใต้ของโมรอคโค คือ ป้อมไอท์ เบนฮาดดู(KASBASH OF AITBEB HADOU) เป็นป้อมดินซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางสวนอัลมอนด์ เป็นปราสาทที่ใช้ในการถ่ายทำภาพยนตร์หลายเรื่องที่โด่งดังอาทิ Lawrance of Arabia , Jesus of Nazareth และ Gladiator ปัจจุบันอยู่ ในความดูแลขององค์การยูเนสโก้
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน
จากนั้นเดินทางต่อ สู่เมืองวอซาเซท OUARZAZATE (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที) ซึ่งเคยเป็นที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ ในปี ค.ศ. 1928 ฝรั่งเศสตั้งกองกำลังทหารและพัฒนาที่นี้ให้เป็นศูนย์กลางการบริหารปัจจุบันเมืองวอซาเซทเป็นเมืองถูกส่งเสริมให้เป็นเมืองท่องเที่ยว และมีการพัฒนาพื้นที่ในทะเลทรายในการทำกิจกรรมต่างๆ ที่แวดล้อมไปด้วยสตูดิโอสำหรับการถ่ายทำภาพยนตร์ ไม่ว่าจะเป็น เรื่อง CLEO PATTRA,THE MUMMY, KINGDOM OF HEAVEN เป็นต้น ที่ใช้เมืองแห่งนี้เป็นฉากสำหรับการถ่ายทำในภาพยนตร์ ลักษณะภูมิประเทศที่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์แบบชนเผ่าเบอร์เบอร์ ซึ่งเป็นชนเผ่าดั้งเดิมของชาวโมรอคโค วอซาเซท เป็นเมืองที่สำคัญที่สุดของทางตอนใต้และที่นี่ยังเป็นทางเชื่อมระหว่างเหนือกับใต้ และตะวันออกกับตะวันตก
จากนั้นเดินทางสู่ ป้อมปราการทาอูเริท (Kasbah Taorirt) ซึ่งเป็นป้อมของตระกูลกลาวี ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางหมู่อาคารภายในประกอบด้วยห้องต่างๆ ที่ซ่อนอยู่มากมาย มีงานศิลปะและสถาปัตยกรรมต่างๆ ที่น่าสนใจ
นำท่านเดินทางสู่ มาราเกซ (Marrakesh) เมืองหลวงเก่าของโมรอคโค ที่ผสมผสานความเป็นเมืองในยุคเก่า และเมืองทันสมัยแบบใหม่ได้เป็นอย่างดี มาราเกซเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 รองลงมาจากคาซาบลังก้า และราบัต ปัจจุบันเมืองนี้จัดได้ว่ามีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดในโมรอคโค
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ
ที่พัก GOMASSINE HOTEL หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ คาซาบลังก้า (Casablanca) เมืองศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของประเทศโมรอคโคที่มีประชากรอาศัยอยู่เกือบ 5 ล้านคน นอกจากนี้เมืองนี้ยังถูกใช้เป็นฉากในภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดเรื่องCasablanca เป็นเรื่องราวความรักระหว่างนายทหารอเมริกันและหญิงคนรัก ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้คาซาบลังก้าเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
เที่ยง อิสระรับประทานอาหารกลางวัน
นำท่านสู่ มัสยิดกษัตริย์ฮัดสันที่ 2 (Hassan II Mosque) ซึ่งสร้างขึ้นบริเวณพื้นดินที่เต็มไปด้วยหินและอยู่ใกล้ริมทะเล โดยสุลต่านฮัดสันที่ 2 เป็นผู้ดำริให้มีการก่อสร้างสุเหร่าแห่งนี้ขึ้น สุเหร่าแห่งนี้ได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกชาวฝรั่งเศส ซึ่งภายในสุเหร่าแห่งนี้สามารถรองรับผู้ที่มาสักการะบูชาได้ถึง 25,000 คน และด้านนอกอีกกว่า 80,000 คน ใช้เวลาการก่อสร้างนานถึง 6 ปี และใช้คนงานก่อสร้างและแกะสลักมากกว่า 6,000 คน
(ในกรณีที่มัสยิดแห่งนี้มีการทำพิธีกรรมทางศาสนา ทางบริษัท ฯ ขออนุญาตนำท่านชมรอบนอกเท่านั้น)
จากนนั้นนำท่านเดินทางสู่ Morocco Mall ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในแอฟริกา ด้วยพื้นที่ 590,000 ตารางเมตรในคาซาบลังกาประเทศโมรอคโค Morocco Mall นี้เปิดทำการเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2554 ได้รับการออกแบบโดยสถาปนิก Davide Padoa จากDesign International อิสระช้อปปิ้งตามอัธยาศัย
ค่ำ อิสระอาหารค่ำ ท่านสามารถ เลือกทานอาหารได้ที่ Morocco Mall ซึ่งมีร้านอาหารมากมายให้ท่านเลือกชิม
ที่พัก AI WALID HOTEL หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ Hubous Quarter เป็นย่านเก่าแก่แห่งหนึ่งของคาซาบลังกา มีอายุย้อนกลับไปในปี 1916 ในระยะแรกปกครองด้วยฝรั่งเศส ย่านนี้เป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมและศาสนาสำหรับคาซาบลังกาและโมร็อคโค เพราะเป็นที่ตั้งของกระทรวงกิจการอิสลามของโมร็อคโค รวมถึงร้านหนังสือของสำนักพิมพ์โมร็อคโคและอาหรับที่สำคัญ อิสระกับการถ่ายภาพ
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ จัตุรัสโมฮัมเหม็ดที่ 5 (Place Mohamed V) ซึ่งเป็นจตุรัสไม่ใหญ่มาก แต่บริเวณโดยรอบบริเวณนี้ถูกล้อมรอบไปด้วยอาคารราชการต่างๆ ธนาคาร และไปรษณีย์กลาง
ได้เวลาอันสมควร นำท่านเดินทางสู่สนามบินคาซาบลังก้า โมฮัมเหม็ดที่ 5 (Casablanca Mohammed V International Airport)
14.55 น. ออกเดินทางจากสนามบินคาซาบลังก้า โมฮัมเหม็ดที่ 5 (Casablanca Mohammed V International Airport) ประเทศโมรอคโค โดยเที่ยวบินที่ SV 372 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง) (ใช้เวลาบินประมาณ 6 ชั่วโมง 10 นาที)
23.00 น. เดินถึงสนามบิน King Abdulaziz International Airport เจดดาห์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย (รอเวลาต่อเครื่องประมาณ 2 ชั่วโมง 55 นาที)
01.55 น. ออกเดินทางจากสนามบิน King Abdulaziz International Airport เจดดาห์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย โดย เที่ยวบินที่ SV 373 (ใช้เวลาบินประมาณ 8.15 ชั่วโมง) (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง)
13.40 น. เดินทางถึง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประเทศไทย โดยเที่ยวบินที่ SV 844
หมายเหตุ : กรุณาอ่านศึกษารายละเอียดทั้งหมดก่อนทำการจอง เพื่อความถูกต้องและความเข้าใจตรงกันระหว่างลูกค้าและบริษัทฯ เมื่อท่านตกลงชำระเงินมัดจำหรือค่าทัวร์ทั้งหมดกับทางบริษัทฯแล้ว ทางบริษัทฯจะถือว่าท่านได้ยอมรับเงื่อนไขข้อตกลงต่างๆ ทั้งหมด
55/93 แขวง บางขุนเทียน เขต จอมทอง จังหวัด กรุงเทพมหานคร 10150